“กินข้าวทำไม” “กินข้าวอย่างไร” “กินข้าวแล้วเกิดผลอย่างไร”
พระญาณธมฺโมถึงกับร้องไห้ออกมาเพราะซาบซึ้งในบุญคุณของท่าน ปรารภกับตนเองในใจว่า “หลวงพ่อมีเมตตามากที่ชี้กิเลสของเรา ไม่เช่นนั้นเราคงจะมืดบอดมองไม่เห็น คงเป็นคนหลงอารมณ์ไปอีกนาน” ดังที่กล่าวมานี้เป็นแนวคิดหลักของหลวงพ่อชา คือความมั่นคงไม่ไหลไปตามความรู้สึกต่างๆ ของตน
หลวงพ่อชาเห็นว่าจุดหมายของเราคือการพ้นทุกข์โดยใช้ศีล สมาธิ ปัญญา เราควรมองเข้าหาตัวเอง ดูธรรมชาติที่เกิดขึ้น และให้รู้เท่าทัน ไม่ปล่อยให้จิตไหลไปตามกิเลสและสิ่งเร้าภายนอก
หลวงพ่อชาได้ตั้งตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่หมู่คณะด้วยยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ทำตนให้ตั้งอยู่ในคุณอันสมควรเสียก่อน แล้วจึงสอนคนอื่นทีหลังจึงจักไม่เป็นบัณฑิตสกปรก” ไม่ว่าจะทำกิจวัตรอันใด เช่น กวาดวัด จัดที่ฉัน ล้างบาตร นั่งสมาธิ ตักน้ำ ทำวัตร สวดมนต์ เดินจงกรม หลวงพ่อชาลงมือทำเป็นแบบอย่างแก่ศิษย์ตลอด โดยถือหลักว่า “สอนคนด้วยการทำให้ดู ทำเหมือนพูด พูดเหมือนทำ” ด้วยเหตุนี้ ศิษย์และญาติโยมจึงเกิดความเลื่อมใสเคารพยำเกรงในตัวท่านมาก